Clicky
0 ฿0

เตรียมความพร้อม ติด EV Charger ที่บ้าน อย่างไรดี?

เตรียมความพร้อม ติดตั้ง Huawei EV Charge อีวีชาร์จ รถไฟฟ้า

เตรียมความพร้อม ติด EV Charger ที่บ้าน อย่างไรดี?

     คำถามที่ค่อนข้างพูดถึงบ่อยเมื่อพิจารณาซื้อรถยนต์ EV คือว่าจำเป็นต้องติด EV Charger ที่บ้านหรือไม่? การตอบคำถามนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา แต่เรามาดูกันดีกว่าว่าการมี EV Charger ที่บ้านนั้นอาจจะไม่จำเป็น แต่ก็มีประโยชน์อย่างมาก

ev charger อีวีชาร์จเจอร์ รถไฟฟ้า รถอีวี

     ข้อดีหลักของการติด EV Charger ที่บ้าน คือ ความสะดวกสบาย หากคุณใช้รถตลอดวันแล้วแบตเตอรี่เริ่มจะกลายเป็นเหลือง คุณก็สามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อถึงบ้านแล้วคุณจะมีที่ชาร์จที่พร้อมให้บริการ ไม่จำเป็นต้องมองหาที่ชาร์จ หรือเสี่ยงการไม่พบที่ชาร์จในที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ การมี EV Charger ที่บ้านยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เพราะคุณสามารถชาร์จรถในราคาไฟที่ถูกกว่าการชาร์จนอกบ้านอีกด้วย

     การติดตั้ง EV Charger ที่บ้านเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่าย ๆ และมีขั้นตอนที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง ในบทความนี้เราจะรวบรวมขั้นตอนและข้อมูลที่คุณควรรู้เมื่อต้องการติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน

1. ตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า
     ระบบเฟสไฟฟ้า มี 2 ประเภท คือ 1 เฟส หรือ Single Phase 2 Wire และ 3 เฟส หรือ 3 Phase 4 Wire โดย 3 เฟส จะมีแรงดันไฟฟ้ามากกว่า 1 เฟส การเลือกใช้ระบบไฟฟ้า 1 เฟส หรือ 3 เฟส จำเป็นต้องพิจารณารุ่นของรถยนต์ไฟฟ้าและคุณสมบัติของเครื่องชาร์จที่จะติดตั้งควบคู่กัน

2. ขนาดแอมป์ของมิเตอร์ไฟฟ้า
     หลังจากที่เราได้ดูรายละเอียดของเฟสไฟฟ้าแล้ว เราจะมาสำรวจขนาดของมิเตอร์กันต่อ โดยส่วนมากมิเตอร์ในบ้านจะมีขนาดทั่วไปคือ 5(15)A, 15(45)A, หรือ 30(100)A โดยตัวเลขที่กำกับนี้จะบ่งบอกถึงความจุและความสามารถในการทนกระแสไฟของมิเตอร์ เช่น เมื่อเราเห็นระบุว่า 15(45)A นั้นหมายความว่า มิเตอร์ขนาด 15 แอมป์ สามารถทนกระแสไฟได้สูงสุดถึง 45 แอมป์ จากนั้น เมื่อเราทราบว่ามิเตอร์ของเราเป็นแบบใดแล้ว จะสามารถตรวจสอบได้ว่ามิเตอร์ที่มีอยู่เหมาะสมหรือไม่ การไฟฟ้ามีข้อแนะนำมาว่าขนาดมิเตอร์ที่เหมาะสมในการติดตั้ง EV Charger คือ สำหรับไฟฟ้า 1 เฟสควรใช้มิเตอร์ขนาด 30 แอมป์ หรือ 30(100)A ขึ้นไป และสำหรับไฟฟ้า 3 เฟสควรใช้มิเตอร์ขนาด 45 แอมป์ หรือ 15(45)A หากมีมิเตอร์ขนาดนี้อยู่ที่บ้านแล้ว สามารถติดตั้ง EV Charger ได้เลย แต่ถ้ามิเตอร์ที่ใช้อยู่มีขนาดเล็กกว่า เช่น 5(15)A หรือ 15 แอมป์ ควรแจ้งให้การไฟฟ้าเปลี่ยนมิเตอร์เพื่อให้มีขนาดอย่างน้อย 15(45)A เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน EV Charger

ประเภทผุ้ใช้ไฟ ขนาดมิเตอร์

3. ตรวจสอบขนาดสายเมน และตู้ MDB
     หลังจากตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบขนาดของสายไฟเมน สายไฟเมน (หรือสายประธาน) คือสายไฟที่เชื่อมต่อมาจากมิเตอร์ไฟฟ้าไปยังแผงเมนสวิตช์ (หรือตู้เมนไฟหรือตู้ควบคุม MDB) หากพบว่าสายไฟเมนยังมีขนาดเดิมอยู่ที่ 16 มิลลิเมตร จะต้องทำการเปลี่ยนเป็นขนาด 25 ตารางมิลลิเมตร (ตร.มม.) ซึ่งเป็นขนาดหน้าของสายหรือขนาดของสายทองแดง รวมทั้งตรวจสอบตู้ Main Circuit Breaker (MCB) และควรเลือกใช้ตู้ที่สามารถรองรับกระแสไฟได้สูงสุดไม่เกิน 100 แอมป์ด้วย

4. ตรวจสอบเครื่องตัดไฟรั่ว หรือ RCD เพื่อความปลอดภัย
     หากเกิดการใช้ไฟมากเกินไปและเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรหรือเหตุการณ์ฟ้าผ่า อาจเกิดเหตุร้ายแรงต่อผู้ใช้งานได้ ถ้าหากบ้านเราได้ติดตั้ง RCD (Residual Current Devices) หรืออุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วตามมาตรฐานแล้ว ควรมีการตั้งค่าพิกัดของกระแสไฟฟ้ารั่วไม่เกิน 30 mA โดยต้องตัดกระแสไฟรั่วภายในระยะเวลาเพียง 0.04 วินาที เมื่อเกิดไฟรั่วขนาด 5 เท่าของพิกัด (150 mA) อย่างไรก็ตามถ้ากรณีที่ EV Charger มีระบบตัดไฟอยู่แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องเพิ่มอุปกรณ์ RCD เพิ่มเติม

RCD เครื่องตัดไฟรั่ว อีวีชาร์จ

5. ตรวจสอบความสามารถในการรับไฟของ On Borad Charger บนตัวรถก่อนติดตั้ง
     เราควรตรวจสอบว่าเครื่องชาร์จที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์สามารถรับไฟได้ในขนาดเท่าใด โดยปกติแล้วจะมีความสามารถตั้งแต่ 3.6kW ถึง 22kW ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นของรถยนต์ ค่านี้จะมีผลต่อเวลาในการชาร์จ ถ้ามีค่ามากก็จะชาร์จเต็มเร็วขึ้น ซึ่งการชาร์จก็จะเสร็จเร็วขึ้นด้วย เมื่อทราบขนาดการรับไฟของ On Board Charger แล้ว ควรเลือกติด EV Charger ที่มีกำลังไฟใกล้เคียงกัน

6. รูปแบบของหัวชาร์จรถไฟฟ้า
     เมื่อเลือก EV Charger ควรพิจารณาหัวชาร์จที่เหมาะสมเข้ากับรถของเราด้วย เนื่องจากในปัจจุบันมีหัวชาร์จรถไฟฟ้าหลายรูปแบบให้เลือก จึงควรเลือกเครื่องที่มีหัวชาร์จที่เข้ากันได้กับรถของเรา หลายคนอาจสงสัยว่าหัวชาร์จรถไฟฟ้ามีแบบใดบ้าง เราได้รวบรวมข้อมูลมาสำหรับรถ EV ทั่วไปที่ใช้ในไทยแล้วพบว่ามีหัวชาร์จหลายรูปแบบ ดังนี้

Connector Type

โดยส่วนมากมักจะแบ่งตามประเทศที่ผลิตดังนี้

  • Type 1 สำหรับรถญี่ปุ่นและแถบอเมริกา เช่น Nissan Leaf, Tesla รุ่นต่างๆ
  • Type 2 สำหรับรถยุโรป เช่น Mercedes-Benz, BMW, Volvo, Porsche รุ่นต่างๆ ที่เป็นรถ EV
  • Type GB/T สำหรับรถจีน เช่น BYD

7. เลือกจุดติดตั้ง

     เมื่อเลือกจุดติดตั้ง EV Charger ควรคำนึงถึงระยะทางจากจุดจอดรถไม่ควรเกิน 5 เมตร เนื่องจากสายชาร์จทั่วไปมักมีความยาวประมาณ 5 – 7 เมตร และควรเลือกจุดติดตั้งที่อยู่ใกล้กับตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าหลักหรือตู้เมนของบ้าน เพื่อความสะดวกในการเดินสายไฟ ทั้งนี้ควรมีหลังคาเพื่อป้องกันฝนในขณะที่กำลังชาร์จ และต้องติดตั้งอุปกรณ์ตัดไฟรั่วและสายดินของ EV Charger โดยแยกจากสายดินหลักของบ้าน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ev charger อีวีชาร์จเจอร์ รถไฟฟ้า รถอีวี Diagram

     เมื่อคุณเตรียมพร้อมแล้ว ตอนนี้คุณสามารถเลือกซื้อ EV Charger ได้เลย อย่าลืมที่จะเลือกหัวชาร์จและกำลังไฟในการชาร์จให้เหมาะสมกับรถ EV ของคุณ นอกจากนี้ควรเลือกซื้อ EV Charger ที่มีมาตรฐาน มีการรับรองจากมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) หรือมีการรับรองจากมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอเทคนิกส์ระดับสากล หรือ IEC (International Electrotechnical Commission) และมีบริการติดตั้งเพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าการติดตั้งจะถูกต้องและปลอดภัยที่สุดนั่นเอง

ลงทะเบียน

สนใจ EV Charger คลิก

*ระยะเวลาคืนทุนขึ้นอยู่กับการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน

ให้บริการและให้คำปรึกษาโดยทีมช่างที่ชำนาญและมีประสบการณ์

โทรศัพท์ 050 000 864 , 090 456 6646
Facebook : EV Power Energy
Instagram : evpowerenergy
Line : @evpowerenergy

สินค้าในตะกร้า
ไม่มีสินค้าในตะกร้า
Calculate Shipping
ใช้โค้ดส่วนลด