ร่วมสร้างสังคมปลอดมลพิษ เปลี่ยนมาใช้ EV ยานยนต์แห่งอนาคต
ในยุคปัจจุบัน มลพิษกลายเป็นปัญหาใหญ่หลวงที่ส่งผลต่อสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของมนุษย์อย่างรุนแรง มลพิษมีหลากหลายประเภท มลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำ มลพิษทางดิน และมลพิษทางเสียง มลพิษทางอากาศเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ควันไอเสียจากรถยนต์ และฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ และอาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็งปอด และโรคหลอดลมอักเสบ มลพิษทางน้ำเกิดจากการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำ ส่งผลต่อระบบนิเวศทางน้ำ และเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ มนุษย์ที่บริโภคน้ำที่ปนเปื้อน อาจป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคท้องร่วง โรคอหิวาตกโรค และโรคตับ มลพิษทางดินเกิดจากการใช้สารเคมี ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง ส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน พืชที่ปลูกในดินที่ปนเปื้อน อาจมีสารพิษปนเปื้อน มนุษย์ที่บริโภคพืชเหล่านี้ อาจป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคระบบประสาท และโรคไต มลพิษทางเสียงเกิดจากยานพาหนะ เครื่องจักรกล และกิจกรรมของมนุษย์ ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดความเครียด และสูญเสียการได้ยิน
ผลกระทบที่หลากหลายต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในโลก
- สุขภาพคน : มลพิษทางอากาศ เช่น ก๊าซเรือนกระจก ฝุ่น PM2.5 และสารพิษทางอากาศอื่น ๆ สามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงเช่นโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และมะเร็ง อีกทั้งยังสามารถมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของเด็ก ๆ และผู้สูงอายุได้ด้วย
- สิ่งแวดล้อม : มลพิษที่ถูกปล่อยออกมาจากกิจกรรมอุตสาหกรรมและการใช้พลังงานอื่น ๆ สามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- สัตว์และพืช : มลพิษสามารถมีผลกระทบต่อสัตว์และพืชในสิ่งแวดล้อม การมีมลพิษในน้ำและอากาศสามารถทำให้สัตว์น้ำและสัตว์บกต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการอาศัยอยู่และการเจริญเติบโต นอกจากนี้ มลพิษยังสามารถทำให้พืชเจริญเติบโตไม่เต็มที่และทำให้มีผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร
- เศรษฐกิจ : มลพิษที่เกิดจากกิจกรรมอุตสาหกรรมหรือการใช้พลังงานอื่น ๆ สามารถมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในรูปแบบของค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค ค่าใช้จ่ายในการเสียหายทางสิ่งแวดล้อม และค่าใช้จ่ายในการลดผลผลิตทางการเกษตร
เราทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อลดมลพิษและปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลาสติก และปลูกต้นไม้ เราสามารถสร้างอนาคตที่ยั่งยืน และปลอดภัยสำหรับลูกหลาน
มลพิษปัญหาร้ายแรง ผลักดันสู่อนาคตยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
มลพิษกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของมนุษย์ มลพิษทางอากาศจากควันไอเสียรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม และการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อระบบทางเดินหายใจ และอาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็งปอด และโรคหลอดลมอักเสบ มลพิษทางอากาศ กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญ ให้นักสิ่งแวดล้อม ภาครัฐ และประชาชนทั่วไป หันมาให้ความสนใจกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นทางเลือกใหม่ที่ยั่งยืน ปลอดมลพิษ และช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
- ปลอดมลพิษทางอากาศ : EV ไม่ปล่อยควันไอเสีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์ การใช้ EV จึงช่วยลดมลพิษทางอากาศ และสร้างบรรยากาศที่สดใสให้กับโลกของเรา
- ประหยัดพลังงาน : EV ใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ใช้ในรถยนต์ทั่วไป หมายความว่า EV สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้น้อยลง เพื่อวิ่งระยะทางเท่ากัน ส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
- เงียบ : EV ทำงานเงียบ ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ดัง เหมือนรถยนต์ทั่วไป ช่วยลดมลพิษทางเสียง สร้างความสงบสุข และผ่อนคลายให้กับผู้ขับขี่ และผู้คนรอบข้าง
- รักษาง่าย : EV มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อย ไม่ต้องใช้น้ำมันเครื่อง จึงทำให้ดูแลรักษาง่าย ประหยัดค่าบำรุงรักษา และมีอายุการใช้งานยาวนาน
- ขับสนุก : EV ให้แรงบิดสูง จึงเร่งความเร็วได้รวดเร็ว ตอบสนองทันใจ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน และเร้าใจ
- เทคโนโลยีล้ำสมัย : EV มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ระบบอัจฉริยะ และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ให้กับผู้ขับขี่
- สนับสนุนจากภาครัฐ : หลายประเทศทั่วโลก มีนโยบายสนับสนุนการใช้ EV ด้วยการให้เงินอุดหนุน ยกเว้นภาษี และสร้างสถานีชาร์จไฟ เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนหันมาใช้ EV มากขึ้น
- อนาคตที่ยั่งยืน : EV เป็นยานยนต์แห่งอนาคต ที่ช่วยลดมลพิษ ประหยัดพลังงาน และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน การใช้ EV จึงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคต ที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเรา
Huawei Smart Charger โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จไฟ
ปัจจุบัน เทคโนโลยี EV พัฒนาอย่างรวดเร็ว ราคาเริ่มถูกลง และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จไฟ ก็เริ่มมีมากขึ้นในหลายประเทศ Huawei Smart Charger เป็นโซลูชั่นการชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การชาร์จ ที่สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานที่บ้าน สถานประกอบการ และพื้นที่สาธารณะ
คุณสมบัติเด่นของ Huawei Smart Charger
- ความเร็วในการชาร์จของ Huawei Smart Charger
o รองรับการชาร์จไฟได้หลากหลายระดับ
o ตั้งแต่ AC 3.7 kW ถึง AC 22 kW
o ช่วยให้ชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าได้รวดเร็ว
o ประหยัดเวลา - ความปลอดภัย
o Huawei Smart Charger ผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยระดับสากล
o มาพร้อมระบบป้องกันหลายชั้น
o ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการชาร์จไฟนั้นปลอดภัย
• การควบคุมและติดตาม
o ผู้ใช้สามารถควบคุมและติดตามสถานะการชาร์จ
o ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
o ช่วยให้สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน - Huawei Smart Charger กับการออกแบบที่ทันสมัย
o ดีไซน์เรียบหรู
o ขนาดกะทัดรัด
o เหมาะกับการติดตั้งในทุกสถานที่ - รองรับการใช้งานหลากหลาย
o Huawei Smart Charger เหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น
o รองรับมาตรฐานการชาร์จ EV ทั้งแบบ Type 2 และ CCS2
Huawei Smart Charger แบ่งตามกำลังไฟ
- Huawei Smart Charger AC 3.7 kW
o เหมาะสำหรับรถไฟฟ้าขนาดเล็ก
o ชาร์จไฟเต็มได้ภายใน 3-4 ชั่วโมง - Huawei Smart Charger AC 7.4 kW
o เหมาะสำหรับรถไฟฟ้าขนาดกลาง
o ชาร์จไฟเต็มได้ภายใน 1.5-2 ชั่วโมง - Huawei Smart Charger AC 11 kW
o เหมาะสำหรับรถไฟฟ้าขนาดใหญ่
o ชาร์จไฟเต็มได้ภายใน 1-1.5 ชั่วโมง - Huawei Smart Charger AC 22 kW
o เหมาะสำหรับรถไฟฟ้าขนาดใหญ่
o ชาร์จไฟเต็มได้ภายใน 30-45 นาที
สนใจ ติดตั้ง EV CHARGE
*ระยะเวลาคืนทุนขึ้นอยู่กับการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน
ให้บริการและให้คำปรึกษาโดยทีมช่างที่ชำนาญและมีประสบการณ์
พิเศษสุด ๆ ! สำหรับท่านใดที่สนใจ EV Charger หรือ AC Charge ตอนนี้ ! ทาง EV Power Energy ของเราพร้อมจำหน่ายแล้ว นอกจากนี้ทางเรายังมีระบบโซล่าเซลล์ของ Huawei เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม EV โดยสามารถใช้ทั้งโซล่าเซลล์ และ EV car อย่างเต็มประสิทธิภาพ และ เป็นไปตามมมาตราฐานการไฟฟ้าตามสโลแกน Drive with Sun Power อีกด้วย
โทรศัพท์ 050 000 864 , 090 456 6646
Facebook : EV Power Energy
Instagram : evpowerenergy
Line : @evpowerenergy