รถยนต์ไฟฟ้า เทรนด์ที่น่าจับตาในการก้าวสู่ Net Zero
การเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานให้อยู่ในพลังงานไฟฟ้าหรือ Electrification เป็นแนวทางสำคัญในการลดปริมาณคาร์บอนเพื่อสร้างสภาวะที่มลพิษน้อยลงและลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานที่มีอนุภาคคาร์บอนต่ำเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้เกิดการลดปริมาณคาร์บอนได้ในระดับสูงสุด ต่อไปนี้คือตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับ Electrification
- รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles – EVs) : การเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นรถยนต์ไฟฟ้าช่วยลดปริมาณการไหลของก๊าซเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ในส่วนของยานยนต์ นอกจากนี้ การใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรถยนต์ในระยะยาว
- ระบบอาคารก่อสร้างที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก : การใช้พลังงานไฟฟ้าในระบบอาคารเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน แบบผสมกับการใช้พลังงานทางเลือกทั้งหมด เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม เป็นต้น
- การใช้ไฟฟ้าในอุตสาหกรรม : การเปลี่ยนแปลงเตาเผาอุตสาหกรรมให้ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้ลดปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาในกระบวนการผลิต และช่วยให้การผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงและยั่งยืนในการใช้พลังงาน ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั่วไปในระยะยาว ดังนั้น Electrification เป็นแนวทางที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างสภาวะที่ยั่งยืนแก่สิ่งแวดล้อม
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2022 มีการขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 10 ล้านคันทั่วโลก คิดเป็น 6% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด คาดการณ์ว่าในปี 2025 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 26 ล้านคัน และ 38 ล้านคันในปี 2030
ปัจจัยหลายประการ ที่ส่งผลต่อความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่
- ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม: ผู้คนตระหนักถึงปัญหามลพิษทางอากาศมากขึ้น และมองหารถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รถยนต์ไฟฟ้าปล่อยมลพิษทางอากาศน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
- ราคาน้ำมัน: ราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่า
- เทคโนโลยี: เทคโนโลยีแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกลง มีระยะทางวิ่งไกลขึ้น และชาร์จไฟได้เร็วขึ้น
- นโยบายของรัฐบาล: หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้การสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าผ่านนโยบายต่างๆ เช่น การให้เงินอุดหนุน การยกเว้นภาษี และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ
ในประเทศไทย ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในปี 2023 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50,000 คัน คิดเป็น 0.2% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด คาดการณ์ว่าในปี 2025 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 คัน และ 300,000 คันในปี 2030
ปัจจัยหลายประการ ที่ส่งผลต่อความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้แก่
- ราคาน้ำมัน: ราคาน้ำมันในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่า
- นโยบายของรัฐบาล: รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า เช่น การลดภาษีสรรพสามิต การให้เงินอุดหนุน และการสร้างสถานีชาร์จ
- ความตระหนักรู้ของผู้บริโภค: ผู้บริโภคชาวไทยมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และมองหารถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือก
แนวโน้มในอนาคต
คาดการณ์ว่าความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ภายในปี 2035 คาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะคิดเป็น 50% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด และภายในปี 2040 คาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นรถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายในโลก
Huawei ตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น
Huawei ได้พัฒนา Huawei Smart Charger เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในปัจจุบัน เนื่องจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ซึ่งการมี Huawei Smart Charger อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้รถยนต์ EV ที่ต้องการอุปกรณ์ชาร์จที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง และยังสามารถรองรับเทคโนโลยีแบบอัจฉริยะในการจัดการแบตเตอรี่ได้อย่างเหมาะสม
ด้วยความนิยมในปัจจุบันของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น คาดว่าบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Huawei จะมองเห็นโอกาสในการผลิต Huawei Smart Charger เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ EV ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชาร์จแบตเตอรี่
Huawei Smart Charger เป็นเครื่องชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพและความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้
- การชาร์จอัจฉริยะ (Smart Charging) : Huawei Smart Charger มาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จอัจฉริยะที่สามารถระบุและปรับปรุงการชาร์จตามปริมาณและประเภทของแบตเตอรี่ที่ถูกชาร์จ เพื่อป้องกันการชาร์จเกินหรือเกินไปที่อาจส่งผลต่อการใช้งานแบตเตอรี่ในระยะยาว
- ความปลอดภัยที่สูง : มีระบบป้องกันการสั่นสะเทือนและการสั่นเกิดเมื่อใช้งาน รวมถึงมีการรักษาความเย็นที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการทำลายอุปกรณ์ในระหว่างการชาร์จ
- การเชื่อมต่อแบบไร้สาย : สามารถเชื่อมต่อแบตเตอรี่กับ Huawei Smart Charger ได้ผ่านทางการเชื่อมต่อไร้สาย เช่น Bluetooth หรือ Wi-Fi เพื่อความสะดวกในการติดตามและควบคุมการชาร์จผ่านแอปพลิเคชันมือถือ
- การสนับสนุนการชาร์จหลายประเภท : Huawei Smart Charger สามารถใช้งานกับแบตเตอรี่ขนาดต่างๆ ทั้งแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีความจุและประเภทต่างๆ
- การปรับปรุงซอฟต์แวร์แบบปรับปรุงได้ : มีซอฟต์แวร์ที่สามารถปรับปรุงได้เพื่อให้รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และปรับปรุงความปลอดภัยหรือความสมบูรณ์ของระบบ
Huawei Smart Charger เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการชาร์จแบตเตอรี่ โดยพัฒนาขึ้นจาก Huawei ที่มีชื่อเสียงในการสร้างเทคโนโลยีที่มีคุณภาพและปลอดภัย
สนใจ ติดตั้ง EV CHARGE
*ระยะเวลาคืนทุนขึ้นอยู่กับการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน
ให้บริการและให้คำปรึกษาโดยทีมช่างที่ชำนาญและมีประสบการณ์
พิเศษสุด ๆ ! สำหรับท่านใดที่สนใจ EV Charger หรือ AC Charge ตอนนี้ ! ทาง EV Power Energy ของเราพร้อมจำหน่ายแล้ว นอกจากนี้ทางเรายังมีระบบโซล่าเซลล์ของ Huawei เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม EV โดยสามารถใช้ทั้งโซล่าเซลล์ และ EV car อย่างเต็มประสิทธิภาพ และ เป็นไปตามมมาตราฐานการไฟฟ้าตามสโลแกน Drive with Sun Power อีกด้วย
โทรศัพท์ 050 000 864 , 090 456 6646
Facebook : EV Power Energy
Instagram : evpowerenergy
Line : @evpowerenergy