พลังงานแสงอาทิตย์หรือโซล่าเซลล์กำลังเป็นที่นิยมในภาคเกษตรกรรมเนื่องจากมีประโยชน์มากมายที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้ ดังนี้
1. ลดต้นทุนพลังงาน : โซล่าเซลล์ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการทำเกษตร เช่น ค่าไฟฟ้าสำหรับสูบน้ำ ระบบทำความเย็นในโรงเรือน และการแปรรูปผลผลิต ระบบโซล่าเซลล์มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อย ทำให้ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าระบบพลังงานอื่น ๆ
2. เพิ่มรายได้ : เกษตรกรสามารถขายไฟฟ้าที่ผลิตได้เกินความต้องการเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ทำให้มีรายได้เสริม การใช้โซล่าเซลล์ช่วยให้เกษตรกรสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมในการเพาะปลูกได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพสูงขึ้นและสามารถขายได้ในราคาที่ดีกว่า
3. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : โซล่าเซลล์เป็นพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและเสียง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการทำเกษตรอย่างยั่งยืน และช่วยลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด
4. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต : โซล่าเซลล์สามารถนำมาใช้กับระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ในฟาร์ม เช่น ระบบให้น้ำ ระบบควบคุมอุณหภูมิในโรงเรือน และระบบตรวจสอบผลผลิต ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้แรงงาน และเพิ่มความแม่นยำในการจัดการฟาร์ม การใช้โซล่าเซลล์เพื่อให้แสงสว่างแก่พืชในโรงเรือนสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของพืชได้
5. เพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน : โซล่าเซลล์ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากแหล่งอื่น ทำให้เกษตรกรมีความมั่นคงทางพลังงานมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟฟ้าดับหรือราคาพลังงานที่ผันผวน และสามารถติดตั้งได้เกือบทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบนหลังคาบ้าน บนพื้นดิน หรือแม้กระทั่งบนผิวน้ำ ทำให้เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างเปล่าได้อย่างคุ้มค่า