Clicky
0 ฿0

5 ปัญหาของโซล่าเซลล์ที่พบบ่อย

5 ปัญหาของโซล่าเซลล์ที่พบบ่อย

5 ปัญหาของโซล่าเซลล์ที่พบบ่อย

     แสงแดดฟรีๆ กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าใช้ในบ้าน…ฟังดูเหมือนความฝันของใครหลายคน แต่เส้นทางสู่พลังงานสะอาดด้วยโซล่าเซลล์ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ผู้ใช้งานหลายรายต้องพบกับปัญหาจุกจิกกวนใจที่ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าลดลง ไม่ว่าจะเป็นแผงร้อนจนไหม้ รอยร้าวขนาดเล็กที่มองไม่เห็น หรือคราบสกปรกคล้ายรอยหอยทากที่ทำลายความสวยงาม

      บทความนี้จะพาคุณ เจาะลึก 5 ปัญหาของโซล่าเซลล์ที่พบบ่อย พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขด้วย อุปกรณ์อัจฉริยะที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของระบบโซล่าเซลล์ของคุณ แล้วอุปกรณ์นั้นคืออะไร เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

โซล่าเซลล์

โซล่าเซลล์

     โซล่าเซลล์ หรือ เซลล์แสงอาทิตย์ เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในยุคที่ทุกคนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมองหาพลังงานทางเลือกที่ยั่งยืน ด้วยคุณสมบัติในการเปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยตรง ทำให้โซล่าเซลล์กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับบ้านเรือนและธุรกิจต่างๆ แต่ถึงแม้จะมีข้อดีมากมาย โซล่าเซลล์ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ผู้ใช้งานหลายรายต้องเผชิญกับปัญหาจุกจิกกวนใจที่อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและอายุการใช้งานของระบบ มาทำความรู้จักกับ 5 ปัญหาหลักของโซล่าเซลล์ที่พบบ่อยกันค่ะ

5 ปัญหาของโซล่าเซลล์ที่พบบ่อย

เงาบัง

1. การบังเงาบางส่วน การบังเงาบางส่วนคือปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อมีวัตถุบางอย่างมาบดบังแสงแดดที่ส่องมายังแผงโซล่าเซลล์บางส่วน อาจเป็นเงาจากต้นไม้ อาคาร หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ ก็ได้ ทำให้เซลล์แสงอาทิตย์ในบริเวณที่ถูกบังได้รับแสงแดดน้อยกว่าปกติ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแผงโซล่าเซลล์ลดลง สาเหตุของการบังเงาบางส่วน อาจเกิดจาก สิ่งแวดล้อม ฤดูกาล สิ่งสกปรก หรือการออกแบบและติดตั้ง ผลกระทบของการบังเงาบางส่วน จะลดประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแผงโซล่าเซลล์โดยรวมลดลง ในบางกรณี การบังเงาบางส่วนอาจทำให้เกิด Hot Spot ซึ่งเป็นจุดร้อนบนแผงโซล่าเซลล์ ที่อาจทำให้แผงโซล่าเซลล์เสียหายได้

2. ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าลดลงตามอายุการใช้งาน แม้โซล่าเซลล์จะเป็นเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของมันจะลดลงตามอายุการใช้งาน นี่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับเทคโนโลยีทุกชนิด และโซล่าเซลล์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น สาเหตุของการลดลงของประสิทธิภาพ อาจจะเกิดจากการใช้วัสดุที่ใช้ในการผลิตโซล่าเซลล์ เช่น ซิลิคอน จะเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา ทำให้ความสามารถในการแปลงแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าลดลง ปัจจัยภายนอก เช่น รังสียูวี ความร้อน ความชื้น และฝุ่นละออง สามารถเร่งการเสื่อมสภาพของโซล่าเซลล์ได้ และรวมไปถึงปัญหา PID (Potential Induced Degradation) ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าลดลง

3. Hot Spot Hot Spot หรือ จุดร้อน คือปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อมีบางส่วนของแผงโซล่าเซลล์ถูกบดบังแสงแดด ไม่ว่าจะจากเงาของต้นไม้ สิ่งสกปรก หรือแม้แต่ใบไม้ที่ร่วงหล่น ทำให้เซลล์แสงอาทิตย์ส่วนนั้นไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ

  • สาเหตุของปัญหา Hot Spot เมื่อเซลล์แสงอาทิตย์บางส่วนถูกบดบัง แสงแดดจะไม่สามารถส่องถึงเซลล์นั้นได้ ทำให้เซลล์นั้นไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ ในขณะที่เซลล์อื่นๆ ที่ได้รับแสงแดดยังคงผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป ส่งผลให้เกิดความต่างศักย์ระหว่างเซลล์ที่ถูกบังกับเซลล์ที่ไม่ได้ถูกบัง ความต่างศักย์นี้จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลย้อนกลับไปยังเซลล์ที่ถูกบัง เกิดความร้อนสะสมขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้อุณหภูมิของเซลล์นั้นสูงขึ้นกว่าปกติ
  • ผลกระทบของ Hot Spot ไม่เพียงแต่ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแผงโซล่าเซลล์ลดลงเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อแผงโซล่าเซลล์ได้อีกด้วย ความร้อนที่สูงเกินไปอาจทำให้วัสดุของแผงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เกิดรอยไหม้ หรือแม้กระทั่งทำให้แผงโซล่าเซลล์ติดไฟได้
โซล่าเซลล์

4. Mismatch Mismatch หรือ ความไม่สอดคล้องกันของแผงโซล่าเซลล์ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยในระบบโซล่าเซลล์ โดยเกิดขึ้นเมื่อแผงโซล่าเซลล์แต่ละแผง หรือแม้แต่เซลล์แต่ละเซลล์ภายในแผงเดียวกัน มีประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่แตกต่างกัน

  • สาเหตุของปัญหา Mismatch เกิดจากความแตกต่างของคุณภาพแผง หรือแม้แต่แผงเดียวกัน ก็อาจมีคุณภาพที่แตกต่างกันเล็กน้อย ทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าต่างกัน เงาจากต้นไม้ อาคาร หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆรวมถึงฝุ่นละอองสิ่งสกปรกที่ตกกระทบลงบนแผงโซล่าเซลล์บางส่วนก็มีส่วนทำให้เซลล์ในบริเวณนั้นผลิตกระแสไฟฟ้าน้อยลง และอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์แสงอาทิตย์ ทำให้แผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าน้อยลง
  • ผลกระทบของปัญหา Mismatch เมื่อแผงโซล่าเซลล์ทำงานไม่พร้อมเพรียงกัน ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของระบบโดยรวมจะลดลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหาย แผงโซล่าเซลล์ที่ทำงานภายใต้สภาวะ Mismatch เป็นเวลานาน อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เนื่องจากแผงบางแผงต้องทำงานหนักกว่าแผงอื่นๆ เพื่อชดเชยกำลังการผลิตที่หายไป

5. PID (Potential Induced Degradation) PID ย่อมาจาก Potential Induced Degradation เป็นปรากฏการณ์ที่แผงโซล่าเซลล์เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วอันเนื่องมาจากความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างเซลล์แสงอาทิตย์กับโครงสร้างของแผง ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลาอันสั้น

  • สาเหตุของปัญหา PID เกิดจากความชื้นสูงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิด PID เนื่องจากความชื้นจะช่วยให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านเซลล์ได้ง่ายขึ้น และอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์แสงอาทิตย์ และปรงดันไฟฟ้าที่สูง ระบบโซล่าเซลล์ที่ทำงานด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงมีความเสี่ยงต่อการเกิด PID มากกว่าระบบที่ทำงานด้วยแรงดันไฟฟ้าต่ำ
  • ผลกระทบของปัญหา PID สามารถลดประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแผงโซล่าเซลล์ได้อย่างมาก บางครั้งอาจสูงถึง 30% ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี แผงจะมีอายุการใช้งานสั้นลง และหากไม่สามารถแก้ไขปัญหา PID ได้ อาจต้องเปลี่ยนแผงโซล่าเซลล์ใหม่ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้น

แต่ปัญหากวนใจเหล่านี้จะหมดไป!
ด้วย Huawei Smart PV Optimizer
อุปกรณ์อัจฉริยะที่จะปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของระบบโซล่าเซลล์ของคุณ

Huawei Smart PV Optimizer

Huawei Smart PV Optimizer

     Huawei Smart PV Optimizer คืออุปกรณ์อัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาต่างๆในระบบโซล่าเซลล์โดยเฉพาะ พัฒนาโดย Huawei ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก Huawei Smart PV Optimizer ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของระบบโซล่าเซลล์ โดยการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น Hot Spot Mismatch PID และการบังเงาบางส่วน ทำให้ระบบโซล่าเซลล์สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย และมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น

  • AI Boost : เทคโนโลยี AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแผงโซล่าเซลล์ได้มากขึ้น
  • Active Safety : ระบบตรวจสอบความปลอดภัยอัจฉริยะที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้า
  • Smart I-V Curve Diagnosis : ระบบวินิจฉัยปัญหาแผงโซล่าเซลล์อัจฉริยะ

หลักการทำงานของ Huawei Smart PV Optimizer

Huawei Optimizer

     Huawei Smart PV Optimizer ทำงานโดยการติดตามและปรับแต่งการทำงาน ทำให้แผงโซล่าเซลล์แต่ละแผงสามารถทำงานได้อย่างอิสระ ไม่ส่งผลกระทบต่อกันแม้ในสภาวะที่แผงหนึ่งแผงมีปัญหาหรือโดนเงาบัง Huawei Smart PV Optimizer ทำงานโดยใช้เทคโนโลยี Maximum Power Point Tracking (MPPT) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้แผงโซล่าเซลล์แต่ละแผงสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกสภาวะเพื่อให้แต่ละแผงสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดในทุกสภาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่มีปัญหาต่างๆ โดยมีหลักการทำงานดังนี้

  1. ติดตามจุดพลังงานสูงสุด (MPPT) : ออปติไมเซอร์จะตรวจสอบและติดตามจุดพลังงานสูงสุด (Maximum Power Point) ของแผงโซล่าเซลล์แต่ละแผงแบบเรียลไทม์ จุดพลังงานสูงสุดคือจุดที่แผงโซล่าเซลล์สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากที่สุดในสภาวะแสงแดดที่กำหนด
  2. ปรับแรงดันและกระแสไฟฟ้า : เมื่อออปติไมเซอร์พบจุดพลังงานสูงสุดแล้ว จะทำการปรับแรงดันและกระแสไฟฟ้าของแผงโซล่าเซลล์นั้นๆ ให้เหมาะสม เพื่อให้แผงสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดในจุดนั้น
  3. ทำงานอิสระ : ออปติไมเซอร์แต่ละตัวจะทำงานอิสระต่อกัน ทำให้แผงโซล่าเซลล์แต่ละแผงสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แม้ว่าแผงอื่นๆ จะมีปัญหา เช่น โดนเงาบัง หรือมีประสิทธิภาพลดลง
  4. ทำงานร่วมกับอินเวอร์เตอร์ : ออปติไมเซอร์จะสื่อสารกับอินเวอร์เตอร์ของ Huawei เพื่อส่งข้อมูลเกี่ยวกับแรงดันและกระแสไฟฟ้าที่เหมาะสมของแต่ละแผง อินเวอร์เตอร์จะนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการแปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากแผงโซล่าเซลล์ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ที่มีคุณภาพและสามารถใช้งานได้
  5. ตรวจสอบและควบคุมผ่านแอป : ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสถานะการทำงานของออปติไมเซอร์แต่ละตัว และควบคุมการทำงานของระบบโซล่าเซลล์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน FusionSolar
    ด้วยหลักการทำงานดังกล่าว Huawei Smart PV Optimizer จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของระบบโซล่าเซลล์ได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่แสงแดดไม่สม่ำเสมอ หรือมีเงาบังบางส่วน

ข้อดีของการติดตั้ง Huawei Smart PV Optimizer สำหรับระบบโซล่าเซลล์

  1. สามารถติดตั้งกับแผงโซล่าเซลล์ได้เกือบทุกขนาดและทุกชนิด (แผงโซล่าเซลล์ชนิดโมโนคริสตัลไลน์, แผงโซล่าเซลล์ชนิดโพลีคริสตัลไลน์ และแผงโซล่าเซลล์ชนิดอะมอร์ฟัส) ทำให้ติดคู่กับแผงโซล่าเซลล์แต่ละแผงได้อย่างอิสระ
  2. ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้าในระยะยาว
  3. ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิด Overvoltage หรือ Undervoltage
  4. บำรุงรักษาง่ายโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวอินเวอร์เตอร์ใหม่ทั้งหมด หากเสีย 1 ตัวก็สามารถซ่อมเฉพาะตัวที่เสีย ได้ แต่ระบบโซล่าเซลล์ก็ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ
  5. รองรับมาตรฐานการหยุดทำงานฉุกเฉิน (Rapid Shutdown)
Huawei Optimizer

เคล็ดลับการใช้ Huawei Smart PV Optimizer ให้คุ้มค่า

  • ติดตั้งอย่างเหมาะสม : ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Optimizer ได้รับการติดตั้งอย่างถูกต้องตามคู่มือ เพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
  • ตรวจสอบการทำงานสม่ำเสมอ : ใช้แอปพลิเคชัน FusionSolar ของ Huawei เพื่อตรวจสอบการทำงานของ Optimizer และแผงโซล่าเซลล์ หากพบปัญหา จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที
  • ทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์ : ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกสามารถลดประสิทธิภาพของแผงโซล่าเซลล์ได้ ควรทำความสะอาดแผงอย่างสม่ำเสมอ
  • ตรวจสอบการแรเงา : หากมีเงาบังแผงโซล่าเซลล์บางส่วน Optimizer จะช่วยลดผลกระทบได้ แต่ควรตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการแรเงาหากเป็นไปได้
  • อัปเดตเฟิร์มแวร์ : Huawei อาจมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ Optimizer เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและแก้ไขข้อบกพร่อง ควรตรวจสอบและอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นประจำ

     สรุป ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำของ Huawei Smart PV Optimizer ปัญหาเหล่านี้จะไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป ด้วยการทำงานอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแต่ละแผงให้สูงสุดในทุกสภาวะ พร้อมทั้งตรวจสอบและแจ้งเตือนปัญหาต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าระบบโซล่าเซลล์ของคุณจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับการลงทุน และช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

     หากสนใจ ติดตั้งโซล่าเซลล์กับเราสามารถติดต่อมาได้เลยที่ EV Power Energy บริการจัดจำหน่ายและติดตั้งโซล่าเซลล์ แผงโซล่าเซลล์ Inverter อุปกรณ์การติดตั้ง จุดชาร์จ EV สารเคลือบแผง Nano Coating และการออกแบบกรอบอาคารประหยัดพลังงาน ประสบการณ์กว่า 10 ปี พร้อมบริการทั่วประเทศ!!! หรือติดต่อได้ที่
โทรศัพท์ 050 000 864 , 090 456 6646
Facebook : EV Power Energy
Instagram : evpowerenergy
Line : @evpowerenergy
ให้บริการและให้คำปรึกษาโดยทีมช่างที่ชำนาญและมีประสบการณ์

ลงทะเบียน

เพื่อ รับสินเชื่อ คืนทุนไวขึ้น!!

*ระยะเวลาคืนทุนขึ้นอยู่กับการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน

สินค้าในตะกร้า
ไม่มีสินค้าในตะกร้า
Calculate Shipping
ใช้โค้ดส่วนลด