คาร์บอนเครดิต เปรียบเสมือนใบอนุญาตที่แสดงถึงสิทธิ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1 หน่วยเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดขึ้นจากกลไกคาร์บอนเครดิต ซึ่งเปรียบเสมือนตลาดซื้อขายใบอนุญาตเหล่านี้ โดยมีเป้าหมายหลักอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบ
คาร์บอนเครดิต เปรียบเสมือนใบอนุญาตที่แสดงถึงสิทธิ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1 หน่วยเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดขึ้นจากกลไกคาร์บอนเครดิต ซึ่งเปรียบเสมือนตลาดซื้อขายใบอนุญาตเหล่านี้ โดยมีเป้าหมายหลักอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบ
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้พลังงาน การเกษตรกรรม การพัฒนาและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง การตัดไม้ทำลายป่า รวมทั้งการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในรูปแบบอื่น ๆ ทั้งนี้เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน ซึ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากผลกระทบของภาวะโลกร้อน ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มตื่นตัวในการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization หรือ Corporate Carbon Footprint: CCF) เป็นวิธีการประเภทหนึ่งในการแสดงข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากการดำเนินงานขององค์กร ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดแนวทางการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในระดับโรงงาน ระดับอุตสาหกรรม และระดับประเทศ
ในยุคปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาวะโลกร้อน และการปรับเปลี่ยนของสภาพแวดล้อม การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอน) กลายเป็นเป้าหมายสำคัญที่ธุรกิจและองค์กรต่างๆ กำลังมุ่งมั่นที่จะ เป็น Carbon Neutrality คือการดูดซับหรือชดเชยคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณเท่ากับการที่ได้ปล่อยออกไปสู่อากาศนั่นเอง ดังนั้นแล้วการติดโซล่าเซลล์เพื่อสร้างพลังงานทดแทนจึงกลายเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้เป็นอย่างมาก
ท่ามกลางวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกลายเป็นภารกิจเร่งด่วน หนึ่งในแนวทางสำคัญคือ การเสริมสร้าง “แหล่งกักเก็บคาร์บอน” ธรรมชาติ ซึ่ง “Blue Carbon” หรือคาร์บอนในระบบนิเวศทางทะเล กลายเป็นดาวเด่นที่น่าจับตาในตอนนี้
ปัจจุบันความต้องการคาร์บอนเครดิตมีเป็นจำนวนมากและในอนาคตก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากกระแสความตื่นตัว ความมุ่งมั่นและนโยบายต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับองค์กรที่มีเป้าหมายที่จะเป็น Carbon Neutrality, Net Zero Emissions และความต้องการคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยในภาคบริการ เรามาดูกันว่าลักษณะการดำเนินโครงการ T-VER มีกี่รูปแบบ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก โครงการ T-VER แบบคร่าว ๆ กันก่อนดีกว่า
ปัญหาภาวะโลกร้อน เป็นผลมาจากการสะสมก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ซึ่งมาจากกิจกรรมของมนุษย์ ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้เป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมหลักที่มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลก ดังนั้นแล้วการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งการลดกิจกรรมที่ทำลายสิ่งแวดล้อม และเข้าร่วมโครงการที่ช่วยลดผลกระทบ เช่น การชดเชยคาร์บอน เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของโลกให้ยังคงอยู่เหมือนเดิม ซึ่งในการดำเนินชีวิตของเราทุกคนล้วนมีส่วนสร้างผลเสียให้สิ่งแวดล้อมทั้งนั้น
การซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Trading) คือ กระบวนการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยผู้ที่มีโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสามารถขายคาร์บอนเครดิตให้กับองค์กรที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเอง
“Carbon-Neutral Travel” หรือการท่องเที่ยวแบบปราศจากคาร์บอน คือ การท่องเที่ยวที่มีแนวคิดและการปฏิบัติที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจก ที่ทำให้การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมในทริปให้เป็นศูนย์ หรือน้อยที่สุด ในเมื่อยุคนี้ผู้คนหันมาตระหนักรู้ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น การท่องเที่ยวไร้คาร์บอนจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและจำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน
ในยุคที่โลกเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การจัดการคาร์บอนจึงได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจคือการใช้ ‘คาร์บอนเครดิตป่าไม้’ ซึ่งเป็นมาตรการที่เชื่อมโยงการอนุรักษ์ป่าไม้กับตลาดคาร์บอน