Clicky
0 ฿0

รู้ยัง! รถไฟฟ้า ตอบโจทย์ในยุคน้ำมันแพง

รู้ยัง! รถไฟฟ้า ตอบโจทย์ในยุคน้ำมันแพง

รู้ยัง! รถไฟฟ้า ตอบโจทย์ในยุคน้ำมันแพง

     ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุดหย่อน ทำให้หลายคนเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ในการเดินทางที่ทั้งประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รถไฟฟ้า หรือ EV กำลังก้าวขึ้นมาเป็นตัวเต็งที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ลดลง เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย หรือแม้แต่การขับขี่ที่สะดวกสบาย ก็ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้รถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในยุคนี้

สถานการณ์ราคาน้ำมันและผลกระทบ

     สถานการณ์ราคาน้ำมันล่าสุด (กรกฎาคม 2567) ยังคงมีความผันผวนและมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าจะมีช่วงที่ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลงบ้าง แต่โดยรวมแล้วราคายังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ราคาน้ำมัน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน

  • ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง : ความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ยังคงส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
  • การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก : อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังโควิด-19
  • ค่าเงินบาทอ่อนค่า : ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าสหรัฐฯ ทำให้ราคาน้ำมันที่นำเข้ามีราคาแพงขึ้น

ผลกระทบต่อผู้บริโภค

  • ค่าครองชีพสูงขึ้น : ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นส่งผลโดยตรงต่อราคาสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น
  • ภาระค่าเดินทางเพิ่ม : ผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่เพิ่มขึ้น

ทางออกในยุคน้ำมันแพง

  • รถไฟฟ้า : เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในยุคน้ำมันแพง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดมลภาวะ และยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง Huawei Smart Charger ที่ช่วยให้การชาร์จไฟสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
  • ขนส่งสาธารณะ : ใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
  • ประหยัดพลังงาน : ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงาน เช่น ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ ขับรถด้วยความเร็วคงที่ และตรวจเช็คลมยางสม่ำเสมอ

รถไฟฟ้า

รถไฟฟ้า

     รถไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) คือ ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม รถไฟฟ้ามีข้อดีหลายประการ เช่น ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ ปัจจุบัน รถไฟฟ้ามีหลากหลายประเภท ตั้งแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ รถโดยสาร ไปจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถไฟฟ้ามีระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น และสามารถชาร์จไฟได้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังมีสถานีชาร์จไฟฟ้าที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำให้การใช้งานรถไฟฟ้าสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

     ในประเทศไทย รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิง และลดมลภาวะทางอากาศ โดยมีมาตรการสนับสนุนต่างๆ เช่น การลดภาษีนำเข้ารถไฟฟ้า สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ซื้อรถไฟฟ้า และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จไฟฟ้า

ทำไมต้องรถไฟฟ้า

  • ประหยัดกว่า : ค่าไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมันหลายเท่าตัว คำนวณง่ายๆ วิ่ง 100 กิโลเมตร อาจเสียค่าไฟเพียง 20-30 บาท ในขณะที่รถใช้น้ำมันอาจต้องจ่ายถึง 150-200 บาท
  • บำรุงรักษาง่าย : รถไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่ต้องดูแลน้อยกว่ารถใช้น้ำมัน จึงช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษาในระยะยาว
  • รักษ์โลก : รถไฟฟ้าไม่ปล่อยมลพิษ จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 และภาวะโลกร้อน
  • เทคโนโลยีล้ำสมัย : รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ มาพร้อมฟังก์ชันที่ทันสมัย เช่น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ, ระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต, และระบบความปลอดภัยขั้นสูง
  • ตอบโจทย์คนเมือง : รถไฟฟ้าขนาดเล็ก ขับง่าย คล่องตัว เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองที่การจราจรหนาแน่น

ข้อจำกัดของรถไฟฟ้า

แม้รถไฟฟ้าจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ผู้ใช้งานควรทราบก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนี้

  1. ระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง : รถไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังมีระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งที่จำกัดกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ผู้ใช้ต้องวางแผนการเดินทางไกลให้รอบคอบ และต้องคำนึงถึงตำแหน่งของสถานีชาร์จไฟฟ้า
  2. เวลาในการชาร์จ : การชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้าใช้เวลานานกว่าการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่ช่วยลดระยะเวลาในการชาร์จลง แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับการเติมน้ำมันได้
  3. ราคา : รถไฟฟ้ามักมีราคาสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในรุ่นและขนาดที่ใกล้เคียงกัน แม้ว่าจะมีแนวโน้มว่าราคาจะลดลงในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นและมีการผลิตในปริมาณมากขึ้น แต่ในปัจจุบัน รถไฟฟ้ายังคงเป็นตัวเลือกที่มีราคาสูงกว่า
  4. จำนวนสถานีชาร์จ : สถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะยังมีจำนวนจำกัดและกระจายตัวไม่ทั่วถึง ทำให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าอาจต้องเผชิญกับความไม่สะดวกในการหาสถานีชาร์จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกล

Huawei Smart Charger ทางออกสำหรับข้อจำกัดเรื่องการชาร์จ

Huawei Smart Charger

     Huawei Smart Charger เป็นเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่พัฒนาโดย Huawei บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ที่มีชื่อเสียงในด้านอุปกรณ์สื่อสารและเทคโนโลยี 5G Huawei ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงได้นำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมาพัฒนาเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน
     Huawei Smart Charger ได้รับการออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย และปลอดภัย โดยมีจุดเด่นที่สำคัญคือความสามารถในการชาร์จเร็ว ช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการชาร์จผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะการชาร์จและตั้งค่าการชาร์จได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยั่งยืน Huawei Smart Charger ยังรองรับการชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้พลังงานสะอาดในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

คุณสมบัติเด่นของ Huawei Smart Charger

  • ชาร์จเร็ว : ด้วยกำลังไฟสูงสุด 22kW ช่วยให้ชาร์จรถไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการชาร์จ
  • ใช้งานง่าย : ควบคุมการชาร์จผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน สามารถตั้งเวลาชาร์จล่วงหน้า หรือตรวจสอบสถานะการชาร์จได้ทุกที่ทุกเวลา
  • ปลอดภัย : มาพร้อมระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และระบบป้องกันฟ้าผ่า เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการใช้งาน
  • ดีไซน์ทันสมัย : ขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่าย เข้ากับบ้านทุกสไตล์
  • รองรับการชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ : สามารถเชื่อมต่อกับระบบโซล่าเซลล์ เพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการชาร์จรถไฟฟ้า ช่วยประหยัดค่าไฟและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ขั้นตอนการทำงาน

Huawei Smart Charger
  • การเชื่อมต่อ : ผู้ใช้เสียบปลั๊กหัวชาร์จ EV Charger เข้ากับเต้ารับไฟฟ้า
  • การตรวจสอบ : หัวชาร์จจะตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไฟ
  • การสื่อสาร : หัวชาร์จจะสื่อสารกับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบประเภทของแบตเตอรี่และสถานะการชาร์จ
  • การปรับกระแสไฟฟ้า : หัวชาร์จจะปรับกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสมกับความต้องการของแบตเตอรี่
  • การชาร์จ : หัวชาร์จจะจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า
  • การติดตาม : หัวชาร์จจะติดตามสถานการณ์ชาร์จและแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อการชาร์จเสร็จสิ้น

ระบบป้องกันความปลอดภัยของ Huawei Smart Charger

ระบบป้องกันความปลอดภัยใน EV Charger มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า ไฟไหม้ และความเสียหายต่ออุปกรณ์ Huawei Smart Charger มาพร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยหลายชั้น เพื่อให้มั่นใจในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ปลอดภัย

  • ระบบป้องกันไฟฟ้ารั่ว (RCD) ตรวจจับกระแสไฟฟ้ารั่วไหล และตัดวงจรไฟฟ้าทันที เพื่อป้องกันไฟดูด
  • ระบบป้องกันไฟเกิน (OCP) ตรวจจับกระแสไฟฟ้าเกินพิกัด และตัดวงจรไฟฟ้า เพื่อป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์และสายไฟ
  • ระบบป้องกันไฟกระชาก (SPD) ป้องกันความเสียหายจากไฟกระชาก ซึ่งอาจเกิดจากฟ้าผ่า หรือความผิดปกติของระบบไฟฟ้า
  • ระบบป้องกันอุณหภูมิเกิน (OTP) ตรวจจับอุณหภูมิที่สูงเกินไป และหยุดการชาร์จ เพื่อป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์
  • ระบบตรวจสอบสายดิน (PE) ตรวจสอบว่าสายดินเชื่อมต่ออย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไฟดูด
  • ระบบป้องกันการลัดวงจร (SCP) ตรวจจับการลัดวงจร และตัดวงจรไฟฟ้าทันที เพื่อป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์และสายไฟ

โหมดการชาร์จของ Huawei Smart Charger

PV Power Preferred

Huawei Smart Charger มาพร้อมโหมดการชาร์จที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน
โหมดชาร์จเร็ว (Fast Charging Mode) : โหมดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วในการชาร์จ โดย Huawei Smart Charger รองรับการชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 22 kW ช่วยให้คุณชาร์จรถ EV ได้เต็มในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะสำหรับการชาร์จระหว่างวัน หรือเมื่อคุณต้องการเติมพลังงานให้รถ EV อย่างเร่งด่วน
โหมดชาร์จอัจฉริยะ (Smart Charging Mode) : โหมดนี้จะปรับกำลังไฟในการชาร์จโดยอัตโนมัติตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าในบ้านของคุณ เพื่อป้องกันปัญหาไฟเกิน ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าการชาร์จรถ EV จะไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
โหมดชาร์จตามกำหนดเวลา (Scheduled Charging Mode) : โหมดนี้ช่วยให้คุณสามารถตั้งเวลาการชาร์จรถ EV ล่วงหน้าได้อย่างสะดวกและยืดหยุ่น ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน คุณสามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการชาร์จ เช่น ช่วงกลางคืนที่ค่าไฟฟ้าถูกกว่า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
โหมดการใช้พลังงาน PV (PV Mode) : โหมดนี้เป็นเอกลักษณ์ของ Huawei Smart Charger ที่ช่วยให้คุณสามารถชาร์จรถ EV ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์จากแผงโซล่าเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โหมดนี้จะปรับการชาร์จตามปริมาณพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีอยู่ เพื่อให้คุณใช้พลังงานสะอาดได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

Huawei Smart Charger

นอกจากนี้ Huawei Smart Charger ยังมีโหมดการรับรองอัจฉริยะ 3 โหมด ได้แก่ แอป FusionSolar, การ์ด RFID และบลูทูธ ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อ EV ของคุณเข้ากับที่ชาร์จได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถให้สิทธิ์ในการชาร์จแก่ผู้อื่นได้ผ่านแอป FusionSolar ด้วยโหมดการชาร์จที่หลากหลายของ Huawei Smart Charger คุณสามารถเลือกโหมดที่เหมาะสมกับความต้องการและสถานการณ์การใช้งานของคุณได้อย่างอิสระ ทำให้การชาร์จรถ EV เป็นเรื่องง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Huawei Smart Charger เหมาะสำหรับ

  • ผู้ใช้รถไฟฟ้า : ที่ต้องการเครื่องชาร์จที่รวดเร็ว ใช้งานง่าย และปลอดภัย
  • บ้านที่มีระบบโซล่าเซลล์ : สามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการชาร์จรถไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ธุรกิจที่ต้องการติดตั้งสถานีชาร์จ : Huawei Smart Charger เหมาะสำหรับการติดตั้งในสถานีชาร์จสาธารณะ หรือสถานีชาร์จขององค์กร

     รถไฟฟ้าคือทางเลือกที่คุ้มค่าและยั่งยืน ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่าง Huawei Smart Charger การชาร์จรถไฟฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป

     พิเศษสุด ๆ ! สำหรับท่านใดที่สนใจ EV Charger หรือ AC Charge ตอนนี้ ! ทาง EV Power Energy ของเราพร้อมจำหน่ายแล้ว นอกจากนี้ทางเรายังมีระบบโซล่าเซลล์ของ Huawei เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม EV โดยสามารถใช้ทั้งโซล่าเซลล์ และ EV car อย่างเต็มประสิทธิภาพ และ เป็นไปตามมมาตราฐานการไฟฟ้าตามสโลแกน Drive with Sun Power อีกด้วย

โทรศัพท์ 050 000 864 , 090 456 6646
Facebook : EV Power Energy
Instagram : evpowerenergy
Line : @evpowerenergy

ลงทะเบียน

สนใจ ติดตั้ง EV CHARGE

*ระยะเวลาคืนทุนขึ้นอยู่กับการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน

ให้บริการและให้คำปรึกษาโดยทีมช่างที่ชำนาญและมีประสบการณ์

สินค้าในตะกร้า
ไม่มีสินค้าในตะกร้า
Calculate Shipping
ใช้โค้ดส่วนลด