โซล่าเซลล์เปลี่ยนแดดเป็นเงิน คาร์บอนเครดิตเปลี่ยนโลกให้น่าอยู่
โลกร้อนขึ้น ค่าไฟแพงขึ้น! เหนื่อยไหมกับค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นทุกเดือน? อยากมีรายได้เสริมแบบไม่ต้องออกแรง? ถ้าคำตอบคือใช่ ลองมาเปิดโลกการลงทุนรูปแบบใหม่ที่ไม่เพียงสร้างกำไร แต่ยังช่วยโลกใบนี้ไปพร้อมกัน นั่นคือการเปลี่ยน “แสงแดด” ให้เป็น “เงิน” ด้วยโซล่าเซลล์ และ “ลดโลกร้อน” ให้เป็น “รายได้” ด้วยคาร์บอนเครดิต
โซล่าเซลล์
โซล่าเซลล์ หรือ เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell) คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยตรงผ่านปรากฏการณ์โฟโตโวลตาอิก (Photovoltaic effect) ซึ่งเป็นคุณสมบัติของสารกึ่งตัวนำบางชนิดที่สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ การติดตั้งโซล่าเซลล์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ผลลัพธ์ที่ได้จากการลดการปล่อยนี้ สามารถนำไปขอรับการรับรองเป็นคาร์บอนเครดิตเพื่อนำไปขายต่อได้ อย่างไรก็ตาม การติดตั้งโซล่าเซลล์เพื่อสร้างคาร์บอนเครดิต มีข้อที่ควรพิจารณาดังนี้
- ความคุ้มค่าในการลงทุน
- ข้อกำหนดและมาตรฐาน
- ความยั่งยืนของโครงการ
- ความเสี่ยงในด้านต่างๆ
ทำไมต้องโซล่าเซลล์
- ลดค่าไฟ : ติดตั้งโซล่าเซลล์แล้วผลิตไฟฟ้าใช้เอง ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากการไฟฟ้า ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาว
- สร้างรายได้ : ไฟฟ้าที่ผลิตได้เกินความต้องการใช้ สามารถขายคืนให้กับการไฟฟ้า สร้างรายได้เสริมให้คุณ
- สิ่งแวดล้อมเป็นมิตร : โซล่าเซลล์เป็นพลังงานสะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยลดภาวะโลกร้อน
นอกจากโซล่าเซลล์แล้ว คาร์บอนเครดิต ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาโลกร้อน เมื่อคุณลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คุณจะได้รับคาร์บอนเครดิต ซึ่งสามารถนำไปขายให้กับบริษัทหรือองค์กรที่ต้องการชดเชยการปล่อยก๊าซฯ ของตน นี่คือการสร้างรายได้อีกทางหนึ่งจากการลงทุนสีเขียว
ความสัมพันธ์ระหว่างโซล่าเซลล์กับคาร์บอนเครดิต
- โซล่าเซลล์ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกการผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ไม่ปล่อยมลพิษ ต่างจากการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน
- โครงการ T-VER สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนโครงการ T-VER หรือ Thailand Voluntary Emission Reduction Program เป็นโครงการส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนรวมถึงโซล่าเซลล์
- โซล่าเซลล์มีสิทธิ์รับคาร์บอนเครดิตโครงการโซล่าเซลล์ที่ผ่านเกณฑ์ T-VER สามารถ ขอรับ คาร์บอนเครดิตนำไป ขาย ในตลาดได้
- คาร์บอนเครดิตที่ได้รับสามารถนำไปขายในตลาดคาร์บอน หรือใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเอง หรือใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร
คาร์บอนเครดิตคืออะไร
คาร์บอนเครดิต คือ เครดิตหรือสิทธิที่ได้รับจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (เช่น คาร์บอนไดออกไซด์) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน โดย 1 คาร์บอนเครดิต จะเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
คาร์บอนเครดิตมีกี่ประเภท
การซื้อขายคาร์บอนเครดิตสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
1. ตลาดคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory Carbon Market)
เป็นตลาดที่จัดตั้งขึ้นโดยภาครัฐ มีกฎหมายกำหนดให้แหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจก ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงตามเป้าหมายที่กำหนด สามารถซื้อใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจก(คาร์บอนเครดิต)จากแหล่งอื่น เพื่อนำมาชดเชยการปล่อยของตน
2. ตลาดคาร์บอนแบบสมัครใจ (Voluntary Carbon Market)
เป็นตลาดที่จัดตั้งขึ้นโดยภาคเอกชน ไม่มีกฎหมายกำหนดให้แหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจก ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อชดเชยการปล่อยของตนหรือเพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กรสีเขียว
คาร์บอนเครดิตมีไว้ทำอะไร
- ซื้อขายแลกเปลี่ยน : คาร์บอนเครดิตสามารถนำไปซื้อขายในตลาดคาร์บอนได้ บริษัทหรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกว่าที่กำหนด สามารถซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซฯ ของตน
- แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม : การซื้อคาร์บอนเครดิตเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของบริษัทหรือองค์กร
คาร์บอนเครดิตสำคัญต่อใครบ้าง
คาร์บอนเครดิตมีความสำคัญต่อหลายภาคส่วนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นระดับโลก ประเทศ องค์กร และปัจเจกบุคคล โดยแต่ละภาคส่วนได้รับประโยชน์และมีบทบาทที่แตกต่างกันไป
1. ระดับโลก : คาร์บอนเครดิตเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน ช่วยบรรเทาผลกระทบร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นกับโลก เช่น การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ภัยธรรมชาติที่รุนแรง และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ให้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโลกร้อน โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วสามารถชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเอง ด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตจากประเทศกำลังพัฒนา
2. ระดับประเทศ : คาร์บอนเครดิตช่วยให้ประเทศต่างๆ บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ได้ให้ไว้ในความตกลงปารีส ตลาดคาร์บอนเครดิตส่งเสริมการลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด เทคโนโลยีสีเขียว และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
3. ระดับองค์กร : การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสามารถช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทได้ เช่น ลดค่าไฟฟ้าจากการใช้พลังงานหมุนเวียนเพราะ การมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนเครดิตแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น และองค์กรที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ อาจมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น การขายคาร์บอนเครดิต หรือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียว
4. ระดับส่วนบุคคล : การสนับสนุนโครงการที่ได้รับคาร์บอนเครดิต หรือการลงทุนในคาร์บอนเครดิต เป็นการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาโลกร้อนในระดับที่เราสามารถทำได้ การที่สามารถลดหรือดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ สามารถสร้างรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิต
ตัวอย่างการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว : เดิน ปั่นจักรยาน ใช้ขนส่งสาธารณะ หรือรถยนต์ไฟฟ้า
- ประหยัดพลังงาน : ปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน, ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ ใช้หลอดไฟ LED ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม ซักผ้าด้วยน้ำเย็น ตากผ้าแทนการใช้เครื่องอบผ้า
- ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ : การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ช่วยให้บ้านเรือนและธุรกิจสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ
Q : เราสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้ที่ไหน
A : ในประเทศไทย สามารถซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
- ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจของประเทศไทย (T-VER) : เป็นตลาดกลางที่ดำเนินการโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. มีแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อ FTIX ที่ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถทำธุรกรรมได้สะดวกและโปร่งใส
- การซื้อขายโดยตรง (OTC) : เป็นการตกลงซื้อขายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายโดยตรง โดยไม่ผ่านตลาดกลาง ซึ่งอาจเป็นการเจรจาต่อรองราคาและเงื่อนไขต่างๆ กันเอง
- แพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิตต่างประเทศ : หากต้องการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในมาตรฐานอื่นๆ นอกเหนือจาก T-VER สามารถเปิดบัญชีกับแพลตฟอร์มต่างประเทศได้ เช่น CBL Xpansiv, Air Carbon Exchange, Carbon Trade Exchange เป็นต้น
ขั้นตอนการขายคาร์บอนเครดิต
- พัฒนาโครงการ : ต้องมีโครงการที่ได้รับการรับรองว่าสามารถลดหรือดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้จริง
- ขึ้นทะเบียนโครงการ : นำโครงการไปขึ้นทะเบียนกับ อบก. เพื่อขอรับรองมาตรฐาน T-VER
- ตรวจสอบและรับรอง : โครงการจะต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง (Designated Operational Entity: DOE)
- ออกคาร์บอนเครดิต : เมื่อโครงการผ่านการรับรองแล้ว จะได้รับคาร์บอนเครดิตตามปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดหรือดูดซับได้
- เสนอขายคาร์บอนเครดิต : สามารถนำคาร์บอนเครดิตไปเสนอขายในตลาด T-VER หรือติดต่อผู้ซื้อโดยตรง
ข้อมูลเพิ่มเติม
- สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยได้ที่เว็บไซต์ของ อบก.(https://www.tgo.or.th/)
- ราคาคาร์บอนเครดิตจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของโครงการ มาตรฐานการรับรอง และความต้องการของตลาด
ก่อนจะจากกัน !
เราขอแวะขายของหน่อยนะคะ
Huawei FusionSolar
นำเสนอโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจรที่ประกอบด้วยอุปกรณ์หลากหลายประเภท
ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของระบบพลังงานแสงอาทิตย์
Huawei FusionSolar
Huawei FusionSolar คือ โซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะที่พัฒนาโดย Huawei ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก โซลูชันนี้ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ การจัดเก็บพลังงาน การกระจายพลังงาน ไปจนถึงการจัดการและการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบทั้งหมด
จุดเด่นของอุปกรณ์โซล่าเซลล์จาก Huawei FusionSolar
Huawei FusionSolar นำเสนอโซลูชันครบวงจร มีอุปกรณ์โซล่าเซลล์หลากหลายรุ่น รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การออกแบบ ตั้งแต่การติดตั้ง จนถึงการบำรุงรักษา Huawei มีศูนย์บริการทั่วประเทศ มีความน่าเชื่อถือสูง ผ่านการทดสอบมาตรฐานสากล รับรองความทนทาน ปลอดภัย และยังมีนวัตกรรมล้ำสมัย เทคโนโลยี AI อัจฉริยะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าอีกด้วย
อุปกรณ์สำหรับระบบโซล่าเซลล์จาก Huawei FusionSolar
อินเวอร์เตอร์ (Huawei Inverter) ทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าตรง (DC) ที่ผลิตได้จากแผงโซล่าเซลล์ เป็นกระแสไฟฟ้าสลับ (AC) ที่สามารถใช้งานได้ในฟาร์ม อินเวอร์เตอร์ของ Huawei FusionSolar มีความชาญฉลาด สามารถปรับการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า
ระบบจัดเก็บพลังงาน (Huawei LUNA 2000 S1) แบตเตอรี่ของ Huawei FusionSolar ช่วยกักเก็บพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินที่ผลิตได้ในช่วงกลางวัน เพื่อนำมาใช้ในช่วงกลางคืนหรือเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างต่อเนื่องและลดค่าไฟฟ้าได้มากขึ้น
ออปติไมเซอร์ (Huawei Smart PV Optimizer) ออปติไมเซอร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแผงโซล่าเซลล์แต่ละแผง โดยเฉพาะในสภาวะที่แผงโซล่าเซลล์บางส่วนถูกบังด้วยเงา ออปติไมเซอร์จะช่วยให้แผงที่เหลือยังคงผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ ทำให้ระบบโดยรวมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ระบบจัดการพลังงาน (App Huawei FusionSolar) ระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะของ FusionSolar ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและควบคุมการผลิตและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างสะดวกผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลการผลิตไฟฟ้า การใช้พลังงาน และสถานะของระบบได้แบบเรียลไทม์
นอกจากอุปกรณ์หลักที่กล่าวมาข้างต้น Huawei FusionSolar ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น
- ตู้รวมไฟ (Combiner Box)
- อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้า (Surge Protection Device)
- อุปกรณ์ตรวจวัด (Monitoring Device)
สรุป การลงทุนในโซล่าเซลล์และคาร์บอนเครดิต ไม่ได้เป็นเพียงแค่การลงทุนเพื่อผลตอบแทนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของโลกใบนี้ เป็นการสร้างโลกที่สะอาด ปลอดภัย และน่าอยู่สำหรับทุกคน ถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโลกให้น่าอยู่ ด้วยการลงทุนในพลังงานสะอาดและสนับสนุนโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งโซล่าเซลล์บนหลังคาบ้าน หรือการสนับสนุนโครงการปลูกป่า ทุกการลงทุนเล็กๆ น้อยๆ ของเรา สามารถสร้างความแตกต่างและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ มาร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนด้วยกันเถอะค่ะ
พิเศษสุดๆ ! หากสนใจติดตั้งโซลาร์เซลล์กับเราสามารถติดต่อมาได้เลยที่ EV Power Energy บริการจัดจำหน่ายและติดตั้งโซล่าเซลล์ แผงโซล่าเซลล์ Inverter อุปกรณ์การติดตั้ง จุดชาร์จ EV สารเคลือบแผง Nano Coating อุปกรณ์ต่างๆ Huawei และการออกแบบกรอบอาคารประหยัดพลังงาน ประสบการณ์กว่า 10 ปี พร้อมบริการทั่วประเทศ!!! หรือติดต่อได้ที่
โทรศัพท์ 050 000 864 , 090 456 6646
Facebook : EV Power Energy
Instagram : evpowerenergy
Line : @evpowerenergy
เพื่อ รับสินเชื่อ คืนทุนไวขึ้น!!
*ระยะเวลาคืนทุนขึ้นอยู่กับการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน