เมื่อปลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ออกระเบียบใหม่ บังคับให้ตลาดการซื้อขายใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปรับกลไกตลาดให้เข้มงวดขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยระเบียบใหม่นี้มีผลให้
- เพดานการปล่อยคาร์บอนสูงสุดลดลง จาก 34.5 ล้านตัน เหลือ 32.3 ล้านตัน และลดปริมาณหน่วยการประมูลในตลาด ลงเหลือ 17.9 ล้านตัน
- ปรับแผนให้หน่วยการประมูล ในปี 2026 ลดลงจาก 15.7 ล้านตัน เหลือเพียง 13.5 ล้านตัน
- ปริมาณคาร์บอนสำรอง ของปี 2023 คือ 8 ล้านตัน และจะลดลงเหลือ 6.5 ล้านตัน ในปี 2026
ด้วยข้อกำหนดเหล่านี้ ทำให้ มูลค่าของหน่วยการประมูล มีค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยสูงกว่ามูลค่าสูงสุด ในปี 1990s ถึง 7%
- โดยราคาหน่วยการประมูลประมูลต่ำสุด จะถูกกำหนดให้เป็น 33.06 NZD (ประมาณ 21 USD ต่อตัน )ในปี 2023 และจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเป็น 44.35 NZD (ประมาณ 28USDต่อตัน) ในปี 2027
- ราคาหน่วยคาร์บอนสำรอง เพิ่มขึ้นเป็น 80.64 NZD (ประมาณ 51 USD) ในปี 2023 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 129.97 NZD (ประมาณ 81 USD) ในปี 2027
นอกจากระเบียบใหม่เหล่านี้จะทำให้ผู้ประกอบการ ตื่นตัวกับการจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังอาจมีผลทางอ้อมถึงประชาชนทั่วไปด้วย เพราะเมื่อค่าใช้จ่ายในการจัดการก๊าซเรือนกระจก ของผู้ประกอบการสูงขึ้น ย่อมทำให้ สินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ มีราคาสูงขึ้น